top of page

จริงไหม AI ทำให้ SEO ง่ายขึ้น มาไขคำตอบกัน

รูปภาพนักเขียน: My Boost SEOMy Boost SEO

อัปเดตเมื่อ 4 ธ.ค. 2567


AI ทำให้ SEO ง่ายขึ้นจริงไหม

ใครไม่ใช้ AI ทำงานถือว่าตกยุค แต่ในมุมของการทำ SEO จะเป็นอย่างนั้นหรือไม่ จริงไหมการมาของ AI ทำให้การทำ SEO ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อน? My Boost SEO ลองมาแล้ว และมีข้อมูลสำคัญจาก Google มาอธิบายในเรื่องนี้ ถ้าพร้อมแล้วมาศึกษาไปพร้อม ๆ กันครับ


เลือกอ่านเฉพาะส่วนที่คุณอยากอ่าน


จริงไหมการมาของ AI ทำให้การทำ SEO ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อน

คำตอบของผม คือ “ไม่จริง” แต่อย่าเพิ่งอารมณ์เสียไปสำหรับคนที่ไม่เห็นด้วย My Boost SEO จะค่อย ๆ อธิบายไปทีละส่วน ว่าทำไม AI ทำให้การทำ SEO มีความลำบากมากขึ้น ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้รับการอัปเดตล่าสุดจากกงาน Search Central Live Bangkok 2024 และงาน Ahrefs Evolve 2024 สามารถสรุปได้ ดังนี้



1.ตอนแรก AI รันทุกวงการแม้กระทั่ง SEO

ในช่วงแรกหลังจากที่ ChatGPT เปิดตัวออกมา หลายคนก็ตาลุกวาวนำมาใช้งานกันอย่างหลากหลาย และเกิดบริษัทที่พัฒนา AI ออกมาช่วยงานแต่ละสายงานกันจนเต็มไปหมด ในด้านของการทำ SEO เองก็ด้วยครับ สิ่งที่ AI เข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระได้ดีที่สุดคือ “การเขียนบทความ SEO” เพื่อนำไปลงเว็บไซต์ และการ “สร้างภาพจาก AI” เพื่อให้ได้ภาพที่เป็นเอกลักษณ์มากที่สุด


ในส่วนของรูปภาพไม่ได้ส่งผลมากเนื่องจากประเด็นลิขสิทธิ์ แต่เรื่องของการทำบทความ SEO ที่โดยปกติแล้วจะใช้คนเขียนในบทความละ 1,000 บาทขึ้นไป ซึ่งเป็นราคาเฉลี่ยของมืออาชีพ หรือการจ้างนักเขียนแบบ Full-time จะต้องจ่ายเงินเดือน 15,000 บาทขึ้นไป และยังต้องรอเวลาเป็นวันต่อ 1 บทความอีกด้วย เมื่อ AI ทำได้เร็วกว่าสุดท้ายหลายคนจึงหันมาใช้มันนั่นเอง


ใช้ AI เขียนบทความดีไหม

2.Google ออกมายอมรับบทความของ AI

ภายในงาน Search Central Live Bangkok 2024 มีประเด็นคำถามว่า AI เขียนบทความออกมาแล้ว Google จะชอบหรือไม่ จะโดนแบนหรือไม่ คำตอบที่ได้คือ “Google ไม่แบน สามารถติดอันดับได้” แต่ “บทความนั้นต้องตอบคำถามให้กับผู้อ่านได้ดีพอ” ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการทำบทความจาก AI ที่มากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นระยะหนึ่งครับ จนสุดท้ายจุดเปลี่ยนก็เกิดขึ้นในหัวข้อต่อไป


3.Search ประสบปัญหาบทความฝาแฝดล้นระบบ

ผลกระทบที่เกิดขึ้น คือ หลายบริษัทใช้ AI ช่วยคิดหัวข้อ (Header) และนำมาเขียนจากการศึกษาข้อมูลเสริมจากเว็บอื่น ๆ และด้วย AI ที่เร็วกว่าคน ทำให้ใน 1 วันบริษัทสามารถผลิตบทความออกมาได้มากกว่า 1 บทความนั่นเอง ผมเคยถามคนรอบตัวมีการปล่อยบทความออกมาถึงวันละ 4 บทความ


จนกระทั่ง Google ประสบกับปัญหาบทความที่มีหัวข้อไม่แตกต่างกัน หลายบริษัทเขียนเนื้อหาจากการศึกษาแหล่งข้อมูลเดียวกัน เว็บไซต์ที่ติดอันดับจึงเต็มไปด้วยบทความฝาแฝด ขาดความรู้ัที่แปลกใหม่ ขาดบทวิเคราะห์ ขาดบทความที่มีความเป็นตัวเอง จนทำให้ผู้ที่ใช้งาน Google รู้สึกว่าอ่านเนื้อหาจากเว็บไหน ๆ ก็ไม่แตกต่างกัน เรื่องนี้ทำให้ Google หันมาตื่นตัว และค่อย ๆ ทำการอัปเดตอัลกอริทึมใหม่ในที่สุด


ดูรายละเอียดเพิ่มเติมบริการทำ Modern SEO สายขาว หวังผลระยะยาวด้วยแนวทาง Google ที่นี่

แบนเบอร์ทำ SEO

4.ย้อนสู่จุดเริ่มต้น ความต้องการบทความที่เป็นมนุษย์

เมื่อ Google เริ่มไม่พอใจกับเนื้อหาบทความที่หาความต่างไม่ได้ อัลกอริทึมตัวใหม่ของพวกเขาจึงพยายามให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่มีข้อมูลจากมนุษย์ มีข้อมูลจากประสบการณ์จริงมากขึ้นกว่าการแค่เขียนบทความขึ้นมาเฉย ๆ ซึ่งเว็บไซต์เหล่านั้น คือ “เว็บบอร์ด หรือฟอรัม” เรื่องนี้ถูกยืนยันในการวิเคราะห์จากสถิติอัลกอริทึมใหม่ในงาน Ahrefs Evolve 2024 ซึ่งผมเองก็ได้สิทธิในการเข้าร่วมงานเช่นกันครับ


เราจึงเห็นว่ากระทู้ Pantip ของไทย และเว็บ Reddit ของต่างชาติมักจะขึ้นมาให้คำตอบกับเราเสมอ เพราะการคอมเมนต์ภายในนั้นเกิดจากประสบการณ์ของแต่ละบุคคล Google มองว่าเป็นข้อมูลชั้นดีมากกว่าบทความทั่วไปนั่นเองครับ


ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่ Google ต้องการจริง ๆ คือ การนำเสนอข้อมูลที่น่าสนใจ และเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน บทความ SEO ในตอนนี้จึงกลับมาที่เนื้อหาข้อมูลที่ควรเขียนขึ้นมาจากความเป็นจริงของแต่ละคน หรือที่เรียกว่า “การนำเสนอประสบการณ์จริง” ซึ่งจะวนมาที่บทความของมนุษย์ และต้องเป็นมนุษย์ที่มีความชำนาญเฉพาะในเรื่องนั้น ๆ ด้วยจึงจะสามารถถ่ายทอดออกมาได้ดี


แอบลักไก่ให้นักเขียนสวมบทบาทว่ามีประสบการณ์ตรงได้ไหม?

คุณคิดว่าทีม My Boost SEO เคยลองทำไหม? คำตอบคือ เราเคยลองทำแล้ว โดยการให้นักเขียนลองสวมบทบาทว่าตนเองเป็นผู้เชี่ยวชาญในหัวข้อที่กำลังเขียนอยู่ แล้วผลลัพธ์ที่ออกมา คือ “ไม่ได้ผล” เป็นเพราะท้ายที่สุดแล้ว นักเขียนไม่ได้มีความรู้ในหัวข้อนั้นมากพอที่จะนำเสนอความเป็น “Specialist” ออกมาผ่าเนื้อหาได้ ยิ่งถ้าไปศึกษาจากที่อื่นเพื่อมาเขียน ถ้านักเขียนไปศึกษามาได้ ใคร ๆ ก็ไปอ่านเองได้ แล้วมันจะ Specialist ตรงไหน?


คนเขียนบทความ vs AI เขียนบทความ

สิ่งที่นักเขียนสามารถทำได้ดีที่สุด คือ การพยายามลองใช้ ลองทำสิ่งนั้น ๆ แล้วเขียนเนื้อหาบทความออกมาในมุมมองของตนเอง อาจบอกถึงประสบการณ์การใช้งาน ข้อดี ข้อเสีย ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่สุด และเหมาะสมในการทำจริง ๆ แต่วิธีนี้ก็ใช้ได้กับบทความบางหัวข้อเท่านั้น ทางออกที่ดีที่สุดหากต้องการเอาชนะการทำ SEO ให้ขาดลอยตอนนี้จึงวนกลับมาที่ “ใช้นักเขียนที่รู้เรื่องนั้น ๆ ดีมากพอ จนแทบไม่ต้องไปศึกษาที่อื่น” นั่นเองครับ


ใช้ AI ช่วย SEO ด้านอื่น ๆ ได้ไหม

หากไม่ใช่ประเด็นเนื้อหาบทความ คุณยังพึ่งพา AI ได้อยู่บ้าง หลัก ๆ แล้วการทำรูปภาพก็ถือว่ายังใช้งานได้อยู่ หรือจะเป็นการช่วยให้คิดแผนการทำ SEO กรณีที่คุณเป็นมือใหม่ในสายงานนี้ หรือการให้ AI ช่วยเขียน Code เพื่อสร้างระบบภายในเว็บไซต์ที่ช่วยกระตุ้น SEO หากคุณเป็นคนที่ไม่ถนัดการ Coding เป็นต้น ผมอยากให้คุณมองว่า AI เป็นสะพาน มากกว่าตัวที่สร้างผลลัพธ์


สรุป

การมาของ AI ในช่วงแรกทำให้ SEO ทำงานได้ง่ายขึ้น จนกระทั่งจำนวนของบทความมีจำนวนมาก และไม่ต่างกันเท่าไหร่ในแต่ละเว็บไซต์ Google ซึ่งห่วงประสบการณ์ของผู้ใช้งานจะไม่ดี จึงพยายามปรับการจัดอันดับ ให้คุณค่าต่อบทความที่มีความคิดเห็นของมนุษย์ หรือเขียนจากความถนัดในเรื่องนั้น ๆ จริง ๆ การหันมาใช้คนจริง ๆ เขียนบทความจึงตอบโจทย์กว่าในตอนนี้ My Boost SEO เราใช้มนุษย์เขียนบทความทุกบทความ และชำนาญการทำ SEO ตามแนวคิดของ Google สามารถติดต่อเราเพื่อรับคำแนะนำได้ครับ


 

อยากให้เว็บไซต์ของคุณขึ้น Search Engine ปรากฏตัวบนผลการค้นหาให้ลูกค้าของคุณได้เห็นเมื่อใช้งาน Google มีเพียงเว็บไซต์ไม่พอ แต่ต้องมีการทำ SEO ด้วย สนใจสามารถศึกษาข้อมูลได้ หรือติดต่อช่องทางอื่น ๆ สำหรับสอบถาม My Boost SEO ที่ Link ด้านล่างนี้



เวลาเปิดทำการ

จันทร์-ศุกร์

09.00 น.-18.00 น.

อีเมล

Social Media

คุณสนใจบริการด้านไหนของเรา

© 2024 Powered and secured by Wix

bottom of page