งาน Ahrefs Evolve 2024 ค่าบัตรเข้างานหลักหมื่น จัดงานยาวถึง 2 วัน และบัตรหมดอย่างรวดเร็ว ถือเป็นงานใหญ่งานแรกของ Ahrefs ที่จัดขึ้นที่สิงคโปร์ และมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 50 ประเทศทั่วโลก หากคุณพลาดงานนี้ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ทีม SEO ของ My Boost SEO จะนำเนื้อหาสำคัญมาสรุปให้เองในบทความนี้กันครับ
เลือกอ่านเฉพาะส่วนที่คุณอยากอ่าน
10 ข้อสำคัญจากงาน Ahrefs Evolve 2024
ตลอดวันที่ 24-25 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมาทาง Ahrefs ได้มีการจัดงานใหญ่ Ahrefs Evolve 2024 ที่มุ่งเน้นเนื้อหาว่าพวกเขาเจออะไรบ้างจากข้อมูลที่เก็บเกี่ยวมา มีสถิติอะไรที่น่าสนใจ และหนทางในการทำ SEO ในยุคใหม่จะเป็นอย่างไรในช่วงที่ AI กำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเราสรุปสาระสำคัญที่ส่งผลต่อการทำ SEO ในแง่มุมต่าง ๆ ออกเป็น 10 ข้อ ดังนี้
1.การค้นหา YouTube ที่มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันการค้นหาข้อมูลผ่านวิดีโอของ YouTube กินอัตราส่วนถึง 76% ส่วนการค้นหาข้อมูลผ่าน Google เหลือเพียง 24% เท่านั้น ซึ่งตัวเลขของการค้นหาของวิดีโอเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ปี 2020 แล้ว
เรามองว่าการพัฒนาเนื้อหาวิดีโอจึงสำคัญมากในปัจจุบัน สำหรับธุรกิจที่ทำวิดีโอด้วย และทำบทความด้วยเพื่อผลักดัน SEO จะได้ผลลัพธ์ดีกว่าคู่แข่งอย่างแน่นอน โดยในแต่ละเดือน เราแนะนำว่าให้เพิ่มคุณภาพของวิดีโอให้ได้ 5% เสมอ โดยวัดจากค่าสถิติต่าง ๆ เช่น ยอดการดู หรือยอดของการกดถูกใจ เป็นต้น
นอกจากนี้การนำเสนอวิดีโอที่มีข้อมูลใหม่ ๆ หรือเป็นเคสศึกษาที่ทำให้การรับรู้ข้อมูลสนุกสนานกว่าเดิม เราจะยกตัวอย่างเช่น “วิดีโอการจ้างทำ Backlinks ราคาหลักร้อย กับราคาหลักหมื่น ทำให้เว็บไซต์ของผมเป็นแบบนี้” จะทำให้หัวข้อน่าสนใจกว่า “จ้างทำ Backlinks หลักร้อยไม่ดีอย่างไร” เป็นต้น
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมบริการทำ Modern SEO สายขาว หวังผลระยะยาวด้วยแนวทาง Google ที่นี่
2.ยุคของเว็บไซต์ประเภทเว็บบอร์ด และฟอรัม
ในตอนนี้ผู้ใช้งานหลายคนเริ่มรู้ทันการทำเนื้อหาที่นำเสนอ หรือรีวิวสินค้าต่าง ๆ หรือบริการต่าง ๆ ที่ตนเองสนใจ เพราะผู้ที่นำเสนอ Content เหล่านั้นทำการรีวิวเพราะถูกจ้างงานมา ต่างจาก 2-3 ปีก่อนที่ผู้คนมักจะเชื่อเนื้อหาเหล่านี้ จนท้ายที่เว็บไซต์ที่มีการถกเถียงเรื่องความจริง เรื่องข้อมูลต่าง ๆ จึงเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในแง่ของการค้นหาข้อมูลหลาย ๆ ด้าน
สำหรับบ้านเราอย่างประเทศไทยเว็บไซต์ประเภทนี้ คือ Pantip นั่นเอง เราจะสังเกตได้ว่าเวลาที่เราสงสัยต้องการคำตอบ เว็บไซต์ Pantip มักจะถูกทาง Google หยิบยกมาเพื่อตอบคำถามให้เราอยู่เสมอ ส่วนต่างประเทศจะเป็นเว็บไซต์ Reddit และ Quora นั่นเอง
3.ยืนยันว่า User Experience เป็นสิ่งที่ Google สนใจที่สุด
เคยหรือไม่ที่คุณปรับแต่งเว็บไซต์ออกมาสวยงาม มีโครงสร้างที่ถูกต้องตามหลักการของ SEO แต่กลับถูกเว็บไซต์ที่ดูไม่ค่อยสมบูรณ์แย่งอันดับที่สูงกว่าได้ เรื่องนี้ทั้ง Google และ Ahrefs ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า หาก Users (ผู้ใช้งาน) มีประสบการณ์ (Experience) ในทิศทางที่ดี คือ มีการอ่านเนื้อหา มีการใช้ระยะเวลาที่เหมาะสม ไปจนถึงการเกิด Event หรือ Action ต่าง ๆ อย่างชัดเจน สิ่งนี้จะทำให้ Google มองว่าเว็บไซต์นั้น ๆ สำคัญขึ้นมาทันที
จากประสบการณ์ตรงของเรา หากมีการวิเคราะห์ประสบการณ์ของผู้ใช้งานอยู่ตลอด (การทำ UX) จะทำให้เรารู้ว่าควรปรับอะไร และเมื่อปรับหน้าเว็บจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน เพราะหลายคนมักติดกับดักคำว่า “คิดไปเอง” โดยไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วผู้ใช้งานจะคิดเหมือนเราหรือเปล่า
4.ผลกระทบของจำนวนบทความจาก AI
เมื่อปัจจุบันนี้การทำบทความ SEO มักถูกเร่งรัดด้วยการนำ AI เข้ามาช่วยเขียน ช่วยทำ จนส่งผลให้เว็บไซต์หนึ่งสามารถทำบทความออกมาได้เป็นจำนวนมากใน 1 วัน Ahrefs กล่าวว่าสิ่งนี้ทำให้บทความออกมาล้นโลกอินเทอร์เน็ต จน Bot ของ Google มีรายการตรวจสอบที่มากขึ้น อีกทั้งเนื้อหาที่มาจาก AI มีภาพรวมที่คล้ายคลึงกัน ไม่สามารถแยกแยะออกจากกันได้ชัดเจน ความหลากหลายของเนื้อหาที่ Users จะได้รับจึงน้อยมาก ๆ
ในเรื่องนี้เราจึงแนะนำให้คุณผลิตบทความที่ควรลดปริมาณแต่เพิ่มความหลากหลาย และทำเนื้อหาบทความ SEO ที่มีมุมมองในการนำเสนอแตกต่างจากท้องตลาด แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยาก เพราะโดยธรรมชาติแล้วนักเขียนมักจะต้องรวบรวมข้อมูลมาเขียนใหม่ แต่สิ่งที่ Google ต้องการ คือ ข้อมูลใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งต้องออกมาจากความรู้ของคนเขียนเท่านั้น
5.การล่มสลายของสาย Affiliate
อีกจุดไฮไลท์สำคัญของงาน Ahrefs Evolve 2024 คือ ข้อมูลที่บ่งบอกว่างานสาย Affiliate และการรีวิวสินค้านั้นถูก Google ลดความสำคัญลงอย่างชัดเจน เพราะในตอนนี้ทั้งตัวของ Users เองก็รู้ทันแล้วว่าเนื้อหาทั้งหมดที่พูดถึงข้อดีของสินค้ามาจากการจ้างงานนั่นเอง
แล้วอะไรที่เข้ามาทดแทน? เราชาว My Boost SEO มองว่าบทความ หรือเนื้อหาที่ถูกหยิบยกขึ้นมาทดแทน คือ เนื้อหาการพูดถึงสินค้าจากการใช้งานจริง มีการรีวิวข้อดีข้อเสียตามความเป็นจริง จากประสบการณ์โดยตรงนั่นเอง ส่วนเรื่องของความแม่นยำในการคัดกรองเนื้อหาเหล่านี้ เราคงต้องฝากเอาไว้ให้กับการทำงานของ Google Bot แล้วล่ะ
6.ความต้องการ Products มาจาก Branding
ในขณะที่หลายคนพยายามที่จะต่อสู้เพื่อการทำอันดับในหน้า Search Engine รอให้คนค้นหา แล้วเจอบทความ เข้าหน้าขาย Products ต่าง ๆ จากนั้นค่อยมาวัดอัตราการซื้อของ Users แต่ทางด้านของ Ahrefs นั้นมองในมุมที่ต่างออกไป พวกเขาแชร์ว่าพวกเขาสร้างแบรนด์ขึ้นมา เพื่อให้คนรู้จัก ให้ทุกคนนึกถึงว่าถ้าต้องใช้บริการด้านนี้ จะต้องนึกถึงใครบ้าง เมื่อ Users วิ่งเข้าหาสิ่งนั้นเอง ก็จะทำให้ Google หันมาให้ความสำคัญเอง
เคสนี้เป็นเคสที่เรามองว่าเป็นความจริง เราจะยกตัวอย่างว่าหาก Tesla ไม่มีเว็บไซต์ แต่ทำการตลาดบน Social Media พอเวลาผ่านไป คนรู้จัก Tesla เอาแต่ค้นหาใน Google ถามว่าพอถึงช่วงหนึ่ง Tesla ทำการเปิดตัวเว็บไซต์ขึ้นมา คุณคิดว่า Google จะดันขึ้นในหมวด Keyword ที่เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าหรือไม่? แน่นอนว่าไม่นานหลังจากนั้นเว็บไซต์ของ Tesla จะถูกนำมาแสดงผลอย่างรวดเร็วแน่นอน ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เกิดจากการทำการตลาด SEO โดยยึด “Branding” เป็นหลัก
7.เพิ่ม CTR ให้ได้ครั้งละ 1% ก็เพียงพอ
CTR คือ อัตราการคลิกเว็บไซต์เมื่อแสดงผลบนหน้าการค้นหา จากข้อมูลของ Ahrefs แสดงให้เห็นว่าหากสามารถขยับให้ CTR ของเว็บไซต์เพิ่มขึ้นให้ได้เพียง 1% จะทำให้ยอดคลิกเข้าเว็บไซต์เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล การทำ SEO จึงควรโฟกัสในเรื่องนี้ด้วย
อย่างไรก็ตามในมุมนี้ พวกเราทีม My Boost SEO มองว่า Ahrefs พูดง่ายไปหน่อย เพราะการจะทำ CTR ให้เพิ่มขึ้นนั้น ไม่แตกต่างจากการบอกว่า “ไปทำอันดับให้สูงขึ้น” เพราะตัว CTR นี้เองแปรผันตามอันดับของ Keywords, การตั้ง Title ที่น่าสนใจมากพอ และชื่อเสียงของเว็บไซต์ เป็นต้น จึงเป็นเรื่องที่ยากมาก หากจะพัฒนาสิ่งเหล่านี้ในระยะเวลาสั้น ๆ
8.คุณควรทดสอบสิ่งที่คนคิดไม่ถึง
การสร้างเนื้อหาเพื่อให้ติดอันดับ หลายคนพยายามโฟกัสการเลือกเนื้อหาจาก Volume (จำนวนครั้งการค้นหารายเดือน) ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่คุณอย่าลืมว่า Users อาจต้องการสิ่งที่อยู่นอกกรอบมากกว่าด้วย มันจึงเป็นเรื่องที่ดีหากคุณทำเนื้อหาที่ไม่เหมือนใครจากการลองทดสอบสิ่งแปลก ๆ ดูบ้าง
เราจะยกตัวอย่างเช่น คงเป็นเรื่องปกติที่ใคร ๆ ก็จะทำเนื้อหาเกี่ยวกับ ”การเลือก Backlinks ที่ดี” แต่ถ้าคุณคิดอีกมุมว่า คุณจะทำเนื้อหาเกี่ยวกับ “การซื้อ Backlinks ราคาหลักร้อยติดต่อกัน 3 เดือน จะเป็นอย่างไร” ถึงแม้ว่าจำนวน Volume จะน้อยมาก แต่มันสร้างคุณค่า และความเป็นตัวเองสูงมาก ๆ กับเว็บไซต์นั้น ๆ
9.โครงสร้างเว็บไซต์มีผล แต่ไม่ใช่ Core หลัก
เราจะเห็นว่าความสมบูรณ์ของโครงสร้างเว็บไซต์ เป็นสิ่งที่เรายึดทำตามกันมาตลอด แต่เชื่อหรือไม่ว่าหากคุณทำเนื้อหาได้ดี และแปลกใหม่ขึ้นมาได้ Google จะยกยอคุณทันที ต่อให้เว็บไซต์ของคุณจะมีการตั้ง H1 ถึง 3 ครั้ง (สิ่งที่บอก Google Bot ว่าหน้าเว็บเกี่ยวกับอะไร มักตั้ง 1 อันต่อ 1 หน้าเว็บ) หรือการตรวจสอบความสมบูรณ์ของเว็บไซต์ที่ไม่เร็วพอก็ตาม
จุดนี้สอดคล้องกับการที่เราเจอคู่แข่งที่เหมือนไม่ได้ทำ SEO ได้ดีพอ แต่เราแซงหน้าคู่แข่งรายนั้นยากเหลือเกิน อาจเป็นเพราะ เขาสามารถทำในสิ่งที่เราทำไม่ได้ คือ เนื้อหาใหม่ ๆ ที่มี UX ที่ดีนั่นเอง
10.Keywords ที่มี 0 Volume ไม่ได้ไร้ค่า
แม้แต่ในการวิเคราะห์ Keywords ในเครื่องมือของ Ahrefs เอง เรามักจะเจอปัญหา Keywords ที่น่าสนใจ น่าเขียนมาก ๆ แต่ไม่มี Volume เลยไม่รู้ว่าจะทำไปทำไม ในงาน Ahrefs Evolve 2024 ได้มีการเฉลยมุมนี้ว่าอย่าเชื่อตัวเลข 0 มาก เพราะจริง ๆ แล้ว Keywords ทุกคำมีคุณค่าในตัวเองทั้งสิ้น
My Boost SEO มีประสบการณ์อยากเล่าในส่วนนี้ เพราะทีมของเราเคยวัดประสิทธิภาพการทำงานของ Keywords พบว่า แม้เราจะเลือกคำที่มีจำนวนการค้นหา (Volume) น้อยมาก ๆ แต่ถ้าหากคำนั้น ๆ เป็นคำที่มีประสิทธิภาพที่จะเกิดแอ็กชันของ Users มากกว่า มักจะทำงานได้ดีกว่าคำที่มีจำนวนการค้นหาสูง แต่กว้างเกินไปจนไม่รู้ว่าทำให้ใครอ่านนั่นเอง
ก้าวต่อไปของ Ahrefs
Ahrefs ถือเป็นโปรแกรมที่ไม่หยุดพัฒนา เพราะเร็ว ๆ นี้จะมีการเปิดตัว Feature ใหม่ ที่จะช่วยให้เราสามารถจัดการเนื้อหาภายในเว็บไซต์ได้ดีขึ้น ได้แก่
ตรวจสอบบทความ AI : เป็นการนำเนื้อหาบทความเข้ามาตรวจสอบว่าเป็นคนเขียน หรือ AI เขียน แต่เรามองว่าไม่ว้าว เพราะความถูกต้องในการตรวจยังคงไม่แน่นอน 100% แต่การมีเครื่องมือนี้เพิ่มเข้ามาก็ดีกว่าไม่มี พวกเราจะได้ไม่ต้องไปซื้อเครื่องมืออื่นแยกมาใช้กัน
AI Content Helper : หลังเปิดตัวมาได้พักหนึ่ง ตอนนี้มีความสมบูรณ์มากขึ้น โดย AI ตัวนี้จะเข้ามาช่วยเขียนบทความ ที่ทำให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น และปรับแต่งได้หลายอย่าง เดาว่าในอนาคตน่าจะเป็นเครื่องมือที่ดีสำหรับคนทำ SEO อีกตัวหนึ่งแน่นอน
นอกจากนี้ทาง Ahrefs ยังคงวางแผนสร้างชื่อของ Branding ของตนเองต่อไป และพยายามขยายฐานข้อมูล และลูกค้าอย่างต่อเนื่อง มีการคาดกันว่าจะมีการจัดงาน Events ขึ้นอีกเรื่อย ๆ หลังจากนี้ หลังจากงาน Ahrefs Evolve 2024 ได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี
เราควรปรับตัวอย่างไรในการทำ SEO ยุคใหม่
ทีม My Boost SEO จะขอสรุปแนวทางการปรับตัวง่าย ๆ คือ “ทำเนื้อหาให้ Users พอใจ และทำเนื้อหาที่คนอื่นจะต้องก๊อบปี้เราให้ได้” หากคุณสามารถทำสิ่งนี้ได้เป็นอย่างดี ประกอบกับการไม่หยุดความพยายามที่จะพัฒนาค่าสถิติต่าง ๆ ทั้งยอดคลิก และอัตรา CTR ไปเรื่อย ๆ ไม่นานเกินไป ทิศทางของการทำ SEO ของคุณจะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ แต่ถ้าหากถามว่างานนี้ยากไหม บอกเลยว่า “ยากมาก ๆ”
สรุป
หลังจากการเกิดขึ้นของ AI ทำให้วงการ SEO มีการ Update แนวทางออกมามากมาย รวมถึงขาใหญ่ในสายนี้อย่างงาน Search Central Live Bangkok 2024 และ Ahrefs Evolve 2024 มีเนื้อหาที่ใกล้เคียงกันมาก ๆ โดยเฉพาะการที่พวกเขาพยายามจะบ่งบอกว่า ให้ส่งเนื้อหาที่มีคุณค่าต่อผู้ใช้งานจริง ๆ ลงสู่เว็บไซต์มากกว่าการที่พยายามจะเพิ่มจำนวนบทความอย่างไร้ประสิทธิภาพ และขาดความเป็นเอกลักษณ์นั่นเองครับ
อยากให้เว็บไซต์ของคุณขึ้น Search Engine ปรากฏตัวบนผลการค้นหาให้ลูกค้าของคุณได้เห็นเมื่อใช้งาน Google มีเพียงเว็บไซต์ไม่พอ แต่ต้องมีการทำ SEO ด้วย สนใจสามารถศึกษาข้อมูลได้ หรือติดต่อช่องทางอื่น ๆ สำหรับสอบถาม My Boost SEO ที่ Link ด้านล่างนี้
ข้อมูลเพิ่มเติมรับทำ SEO : https://www.myboostseo.com/seo-service
Facebook : https://www.facebook.com/myboostseo/
Line OA : https://lin.ee/8TQc4nQ
Medium : https://medium.com/@myboostseo